ทิมฟรอยด์แอนด์บียอน
พึ่งหัดเขียนครั้งแรกครับฝากไว้ด้วยนะครับ
ผู้เข้าชมรวม
53
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ประเทศสวีเดน ปี พศ. 2014 ณ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์รูย์ เสียงฝีเท้าที่วิ่งฝ่าสายฝนเหยียบย่ำลงไปบนแอ่งน้ำ นี่ไม่ใช่คืนที่แสนจะสงบเป็นแน่ เนื้อตัวของชายซึ่งเป็นพ่อโอบกอดลูกน้อยที่คลุมด้วยเสื้อโค้ทสีดำที่กลมกลืนไปกับความมืดประหนึ่งพระจันทร์ที่ถูกก้อนเมฆสีดำโอบกอดไว้เฉกเช่นรัตติกาลในคืนนี้ สายฝนที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงไป มีเพียงมือทั้งสองโอบกอดไว้อย่างแนบแน่นประหนึ่งว่าจะไม่ได้พบเจอลูกของตัวเองอีก เสียงทารกเพศชายได้กลบเสียงสายฝนลงไปโดยปริยาย อุแก้กก อุแก้กก!!!!
กริ้ง กริ้ง กริ้งกริ้ง กริ้กกริ้ง กริ้ง!!!! เสียงกดออดย้ำๆหลายครั้งเหมือนว่ามีธุระเร่งรีบเสียจนไม่อาจจะรอต่อไปได้
“พ่อขอโทษนะลูก พ่อมีความจำเป็นที่จะต้องทิ้งลูกไว้ที่โลกมนุษย์เพราะอีกไม่นานสงครามสวรรค์ก็กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งหากพวกปีศาจสามารถรวมสามภพให้เป็นหนึ่งได้จะไม่เหลืออะไรในโลกใบนี้อีก…ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวลูกเอง” เขาจ้องมองหน้าลูก “พ่อรักลูกนะทิมฟรอยด์” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ทารกคนนี้จะได้ยิน และร่างของชายผู้นั้นก็กางปีกสีขาวขนาดมหึมาเปล่งแสงบินขึ้นหายไปบนท้องฟ้า
ชายรูปร่างท้วมวัยกลางคนใส่ชุดบาทหลวงปรากฏมาพร้อมเสียงเปิดประตูด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะดีนักเอามือขยับแว่นที่ตัวเองสวมใส่อยู่เพื่อจะดูว่าใครกันนะที่มากดกริ่งในเวลาที่ดึกมากเช่นนี้...
ท่านบาทหลวงกวาดสายตาไปรอบๆแต่เมื่อมองลงไปที่พื้นก็พบเด็กน้อยคนหนึ่งถูกทิ้งให้นอนตากฝนมีเพียงเสื้อโค้ทเท่านั้นที่คอยให้ความอบอุ่นในคืนที่เหน็บหนาว ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จะเพลียและหลับลงไปเสียแล้ว
ท่านบาทหลวงค่อยๆอุ้มเด็กทารกขึ้นมาอย่างทะนุทนอม “พระเจ้า ให้ตายสิ!!!”
“มีอะไรเหรอครับคุณพ่อ” เสียงที่งัวเงียจากการหลับไปโดยไม่ตั้งใจเพราะอ่านคัมภีร์ที่หนาๆมันช่างเหมือนยานอนหลับชั้นดี ทำให้เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี ผมเผ้าออกจะรุ่งรัง เดินโซซัดโซเซด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
เรย์ม่อน ไปเอาผ้าห่มมาให้พ่อเดี๋ยวนี้!!! ท่านบาทหลวงรีบอุ้มเด็กน้อยเข้ามาวางไว้ตรงแท่นบูชาแล้วแกะเสื้อโค้ทที่เปียกฝนตัวนั้นออก ทันทีที่คุณพ่อเปิดดูที่หน้าอกของเด็กน้อยก็ถึงกับตกใจกับบางสิ่งบางอย่าง “โอ้ ไม่มันไม่น่าจะเป็นไปได้!!! อะไรกันนะที่ทำให้หลวงพ่อถึงกับแสดงอาการหวาดกลัวถึงเพียงนี้
ท่านบาทหลวงเอื้อมมือหยิบเสื้อโค้ทที่เปียกฝนขึ้นดูก็พบของบางสิ่งตกลงมาจากกระเป๋าเสื้อ
ตุ้บ!!
มันเป็นกล่องหีบเพลงโบราณผลิตจากไม้ที่เก่าแก่จนไม่อาจรู้ได้ว่ามีอายุประมาณเท่าใด ถูกล้อคเอาไว้โดยที่ไม่มีลูกกุญแจ พร้อมด้วยกระดาษ 1 แผ่นที่พับไว้ปลิวตกลงมาด้วย
ขณะที่ท่านบาทหลวง และ เรย์ม่อนกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ภายนอกประตูโบสถ์ก็บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงซะจนไม้กางเขนของโบสถ์แทบจะหลุดจากผนังพระพักตร์ของพระองค์เกิดรอยร้าวแตกเป็นทางยาว เชิงเทียน แจกันดอกไม้ล้มกลิ้งกระจัดกระจายตามพื้น
คิก คิก คิก คิก แจ้ก แจ้ก แจ้ก แคว่ก แคว่ก นี่เป็นเสียงที่ดังสะท้านฟังแปลกหูก้องอยู่ในอากาศจนไม่สามารถจะอธิบายว่าเป็นเสียงจากอะไรกันแน่ บรรยากาศที่อบอุ่นกลับเยือกเย็นลงตั้งแต่เมื่อไร่ เหงื่อกาฬที่จู่ๆก็ซึมออกจากฝ่ามือทั้งสองข้าง ขนจากขาก็ค่อยๆลุกขึ้นจนถึงบริเวณท้ายทอย แต่เหมือนพวกมันกับกำลังหวาดกลัวกับอะไรบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามาสิ่งเดียวที่รู้คือมันไม่ใช่เสียงของมนุษย์หรือสัตว์ที่จะเลียนแบบได้ นอกเสียจากว่า…..
“ปีศาจ” หลวงพ่อพูดออกมาเบาๆด้วยเสียงที่สั่นคลอน สายตาจ้องไปทางประตูที่กำลังถูกบางอย่างกระแทกชนไปชนมาแม้ว่าประตูจะหนาและแข็งแรงมากก็ตาม
“ไปรีบพาเด็กไปหลบชั้นใต้ดินก่อนเร็ว” “เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณพ่อ”เด็กหนุ่มถามด้วยอาการที่หวาดกลัวและมึนงง
“รีบไปเดี๋ยวนี้!” คุณพ่อพูดย้ำอีกรอบ “ครับพ่อ” เขารีบเข้าไปอุ้มเด็กด้วยความเร่งรีบในใจคงเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถจะหาคำตอบได้ในเวลานี้แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งของท่านบาทหลวงโจเซฟ ไมเออร์ซิลีแย บริเวณห้องโถงชั้นใต้ดินเมื่อก่อนเป็นที่ใช้สำหรับหลบภัยจากสงครามซึ่งมีมานานแล้วต่อมาได้ใช้เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆและอ่างเก็บน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์นี่อาจเป็นที่ๆน่าจะปลอดภัยที่สุดก็ได้..
ปึง ปึง ปึง ปึง เสียงกระแทกประตูดังอย่างต่อเนื่อง ท่านบาทหลวงโจเซฟพอตั้งสติได้ก็ค่อยๆก้าวเท้าถอยหลับกลับมายืนอยู่ตรงแท่นทำพิธีหน้าไม้กางเขนเหมือนต้องการขอให้อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ย่างกรายเข้ามาในสถานที่นี้ในใจพลางสวดวิงวอน ด้วยอำนาจของพระบุตร… และแล้วทันใดนั้นเองเสียงทุกอย่างก็เงียบกริบลงประหนึ่งยืนอยู่ในสุสานร้างอย่างใดอย่างนั้น เสียงหัวเราะเสียงคร่ำครวญได้หายไปแล้ว
บัดนี้ประตูได้ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ สายลมค่อยๆปะทะชนประตูเข้ามาจนมันเปิดอ้าออกทั้งสองข้าง แสงจากหลอดฟ้าที่กระพริบๆเหมือนว่าหลอดใกล้จะขาดอยู่ๆก็ดับลงทั้งหมด แสงจากเทียนไขตอนนี้ได้ถูกสายลมกลืนกินเฉกเช่นความมืดมิดที่เข้าปกคลุมเข้าทุกทิศทางมีเพียงแต่แสงจากสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นระยะเท่านั้นที่พอจะมองเห็นผ่านประตูเข้ามา
ตึก ตึก ตึก เสียงเก้าเท้าค่อยก้าวผ่านเข้ามาทีละก้าว “ด้วยเดชะพระนามของพระบุตรและพระจิต….”เขายังคงหลับตาและสวดต่อไปเรื่อยๆโดยไม่พยายามมองไปที่ประตู และแล้วก็เกิดแสงสว่างขึ้นปีศาจหรือพระเจ้ากันนะ!!?
ปฐมบทแห่งสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจกำลังเกิดขึ้นแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ ขนนก ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขนนก
ความคิดเห็น